จอร์แดน ไม่เข้าใจกับสิ่งที่ตัวเองเจอ

 มิดฟิลด์หนุ่มลงเล่นให้ ซันเดอร์แลนด์ ไปมากกว่า 70 นัด 

และทำประตูได้ 5 ลูก ก่อนที่ ลิเวอร์พูล ดึงตัวไปร่วมทีมในช่วงซัมเมอร์ ปี 2011 ที่ ลิเวอร์พูล ส่วนใหญ่ เคนนี่ ดัลกลิช ส่ง จอร์แดน ลงเล่นตำแหน่งปีกขวา ซึ่งซีซั่นแรกกับ "หงส์แดง" เขามีส่วนกับการลงเล่นนัดชิงชนะเลิศสองรายการ และคว้าเหรียญแชมป์ ลีก คัพ มาครองได้ อย่างไรก็ตาม ในตอนที่ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เข้ามาคุม ลิเวอร์พูล 

เมื่อปี 2012 เขาเคยคิดที่จะปล่อย จอร์แดน ออกจากทีม ทว่าตอนนั้น จอร์แดน ตอบปฏิเสธไปอย่างทันควันในจิตใจของนักเตะเจ้าของเสื้อเบอร์ 14  มีอยู่อย่างเดียว นั่นคือไม่ว่าอย่างไรก็จะขออยู่สู้แย่งตำแหน่งของตัวเองกับทีมต่อไป และอีก 2 ปีหลังจากนั้น จอร์แดน ได้รับแต่งตั้งให้เป็นรองกัปตันทีม ลิเวอร์พูล ดูบอล โดยคนที่เป็นกัปตันทีมคือ สตีเว่น เจอร์ราร์ด และอีก 12 เดือนต่อมา จอร์แดน ก็ก้าวขึ้นไปรับสืบทอดปลอกแขนมาจาก สตีวี่ จี ได้ ในระหว่างช่วงเวลาดังกล่าว จอร์แดน ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมจนถึงขั้นทำให้ ลิเวอร์พูล มีลุ้นแชมป์ลีกแบบที่ทำให้หลายคนทึ่งตอนฤดูกาล 2013/14 อย่างไรก็ดี ตอนนั้นครอบครัว เฮนเดอร์สัน กลับต้องเผชิญกับความท้าทายอันหนักอึ้ง ขณะที่ลูกชายกำลังอยู่ช่วงเวลาสำคัญ "ผมไม่ได้เจอ จอร์แดน มา 1 ปีแล้ว" ไบรอัน ที่เมื่อตอนปี 2013 ได้รับข่าวร้ายจากการถูกตรวจพบว่าป่วยเป็นมะเร็งเผย 

zonedooball.com



"ผมได้คุยกับเขานิดหน่อย ผมบอกกับเขาไปว่า -ฟังนะ ที่จริงพ่อก็ไม่ได้อยากเจอลูกมากมาย

อะไรนัก แต่พ่ออยากให้ลูกได้รางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อจะได้ให้มันเป็นกำลังใจกับพ่อสักหน่อย" "ผมจำได้ดี ถ้าจำไม่ผิดเกมแรกที่เขาลงเล่นหลังจากที่ผมพูดแบบนั้นคือเกมที่เจอกับ สเปอร์ส ผมจำไม่ได้ว่าเขายิงไป 1 หรือ 2 ลูก แต่ตอนนั้นเขาได้ แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ด้วยมั้ง ผมเองก็ไม่มั่นใจเท่าไหร่" "หลังจากนั้นเป็นต้นมาเวลาที่ผมดูเกมของเขาทั้งจากบนเตียงในโรงพยาบาลหรือไม่ก็จากบนเตียงตอนอยู่ที่บ้านน่ะเขาก็ได้เป็น แมน ออฟ เดอะ แมตช์ อยู่หลายครั้ง 

เขาเล่นได้ดี เขาทำให้เรารอดมาได้" "และขอบคุณพระผู้เป็นเจ้าที่ผมยังมีชีวิตมาจนถึงตอนนี้, ยังเดินได้, ยังพูดได้ รวมถึงยังหายใจได้" แน่นอน การที่ ไบรอัน ยังมีชีวิตอยู่ ทำให้เขาได้เห็นลูกชายสร้างประวัติศาสตร์กับ ลิเวอร์พูล หลังจากได้แชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก ในปี 2019 ตามด้วยแชมป์ ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ และ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ จอร์แดน กับเพื่อนๆ ก็ทำได้ตามที่ ไบรอัน เคยทำนายเอาไว้ในตอนที่เขาสวมกอดกับลูกชายที่กรุงมาดริด นั่นคือการได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในปี 2020 จอร์แดน เป็นตัวหลักของ เจอร์เก้น คล็อปป์ และคว้าแชมป์ลีกมาครองได้เป็นครั้งแรกของสโมสรในรอบ 30 ปี เขาเป็นทั้งผู้นำ, คนที่สร้างแรงกระตุ้น และขับเคลื่อนให้เพื่อนร่วมทีมคว้าแชมป์มาครองได้ด้วยฟอร์มการเล่นอันสุดยอด เก็บได้ถึง 99 คะแนน ถึงกระนั้น ครอบครัว เฮนเดอร์สัน ไม่สามารถมาโอบกอดกันเพื่อยินดีกับความสำเร็จเหมือนตอนคว้าแชมป์ยุโรปได้ แต่ความภูมิใจในตัวลูกชายของ ไบรอัน ไม่ได้น้อยลงจากครั้งก่อนเลย "เขาได้แชมป์ตั้ง 4 รายการในรอบ 12 เดือนเลยนะ ผมดีใจมากๆ เหมือนกับว่าได้สูบซิการ์และดื่มแชมเปญขวดแล้วขวดเล่าเลย แค่นี้มันก็ทำให้คนเป็นพ่อแบบผมปลื้มมากๆ แล้ว!" ไบรอัน เผยพร้อมรอยยิ้ม "ผมพูดกับตัวเองว่า -ถ้าเกิด จอร์แดน อยากได้แชมป์แบบนี้ทุกปีล่ะจะทำยังไง?- ซึ่งถ้าเขาทำอย่างนั้นได้ผมก็จะดีใจสุดๆ ยังไงก็ตาม ในฐานะคนเป็นพ่อเป็นแม่มันไม่มีอะไรที่จะทำให้ผมมีความสุขไปมากกว่านั้นได้แล้ว จริงไหมล่ะ? ผมดีใจสุดๆ" ความเป็นผู้นำของ จอร์แดน ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะยามที่เขาอยู่ในสนาม สิ่งนี้ได้รับการสะท้อนผ่านทางความมุ่งมั่นที่มีต่อการสนับสนุนชมชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
 
 การสนับสนุนของ จอร์แดน ที่ถือว่ามีความสำคัญอย่างมากนั้นก็คือการให้ความช่วยเหลือหน่วยงานที่ทำการบริจาคอาหาร, เป็นทูตให้กับหน่วยงานดูแลสุขภาพแห่งชาติ (NHS) และการใช้โซเชียลมีเดียในการกระตุ้นให้เกิดการตระหนักถึงการบูลลี่บนโลกออนไลน์ "ผมอาจจะภูมิใจกับการที่เขาเป็นพ่อที่ดีและเป็นคนดีมากกว่าการเป็นนักเตะของเขาเสียอีก เพราะเขาเป็นคนที่ดีมากๆ" ไบรอัน เผย "ผมคิดว่าถ้าคุณไปถามความเห็นจากใครหลายคน พวกเขาก็จะพูดเหมือนผมนี่แหละ"

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

4 ที่สุดเรอัลมาดริดผงาดแชมป์ลาลีกา

เป้าหมายชั้นเรียนเฟอร์รารีสีแดง Aldridge

เมสซี่-โด้กระฉูด! เปิด5แข้งดังที่มียอดขายเสื้อมากที่สุดในปี2021